"การแก้ปัญหาคุณภาพอากาศแบบเมือง Heilbronn ของเยอรมนี"
มาๆๆ พ่อบ้านมีกรณีศึกษาที่น่าสนใจของเมืองๆ นึงของเยอรมนีที่ถือว่าเป็นเมืองที่เคยเกิดปัญหาในเรื่องของคุณภาพอากาศที่ไม่ผ่านเกณฑ์ของยุโรปที่ตั้งเอาไว้
โดยสาเหตุหลัก ก็คือเมืองๆ นี้เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจทางภาคใต้อย่างมากเมืองนึง เพราะเป็นเมืองที่มีบริษัทระดับโลก อย่างเช่น Audi, Schwarz Group และโรงงานเป็นจำนวนมาก และประกอบกับการที่มีรถยนต์เป็นจำนวนมากในเมืองดังกล่าวนั้นจึงไม่แปลกที่
"คุณภาพอากาศนั้นจะมีปัญหา"
โดยตัวเลขที่มีปัญหามากที่สุดก็คือตัวเลขของ Stickstoffdioxid หรือก็คือค่าของ Nitrogen dioxide (ไนโตรเจนไดออกไซด์ หรือ NO2) ที่การวัดผลประจำปีในปี 2019 นั้นมีค่าสูงกว่ามาตรฐาน ที่ 47 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งลดลงมาจากปี 2015 ที่ 66 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ซึ่งก็ถือว่าลดลงมาแล้วจากในปี 2018 ค่ามาตรฐานที่ทางเมืองต้องการนั้นคือต้องอยู่ระดับ "ดี" ซึ่งก็คือต้องต่ำกว่า 40 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนสำหรับตัวเลขฝุ่นนั้นยังถือว่าไม่มีปัญหาแต่ทางรัฐก็ไม่ได้ละเลย
และถามว่าทางเมืองเค้าทำอย่างไร?
ทางเมืองก็เลยได้มีการประชุมและแก้ปัญหาในเรื่องของสภาพอากาศอย่างจริงจัง และก็ออกมาเป็นนโยบายดังนี้
- ทำการวิจัยและวิเคราะห์เพื่อหาสาเหตุหลักของปัญหา และพบว่าปัญหาคุณภาพอากาศของเมืองนั้นเกิดจากรถยนต์เป็นหลักแล้วออกนโยบายและวิธีการแก้ไข
- ลงทุนงบประมาณพิเศษเพิ่มขึ้นจำนวน 94,000 Euro หรือประมาณ 3.8 ล้านบาท เพื่อเปลี่ยนรถของรัฐ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของระบบเติมไฟฟ้าของรถไฟฟ้าในเมืองให้มากยิ่งขึ้นเพื่อเป็นการสนับสนุน ให้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
- ปรับกฎจราจรในถนน 4 สายหลักขนาดใหญ่ของเมือง จากที่สามารถขับได้ที่ความเร็ว 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้เหลือเพียง 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ดังจะเห็นในรูปถ่ายของพ่อบ้านที่เขียนว่า (luftreinhaltung หรือก็ควบคุมมลพิษทางอากาศในโซนที่ปรับความเร็ว)
- ทำการติดเครื่องฟอกอากาศขนาดยักษ์ในถนนเส้นหลัก ที่มีการจราจรหนาแน่น เพื่อให้สามารถฟอกอากาศได้ 24 ชั่วโมง (รายละเอียดการทำงานอยู่ด้านหลัง)
- มีการเพิ่มกล้องตรวจจับความเร็วในเมือง เพื่อควบคุม โดยเฉพาะในเส้นที่มีการควบคุมมลพิษ
(อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับเพราะพ่อบ้านเห็นชัดเจนมากๆ ในช่วงแรกๆ ตอนที่ลดความเร็วเหลือ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คนที่บริษัทโดนกันถ้วนหน้า)
- มีการร่วมรณรงค์ให้กับบริษัทขนาดใหญ่ในเมือง ให้ช่วยกันรักษาสภาพอากาศ และก็เห็นผลลัพธ์เพราะมีหลายๆ บริษัทขนาดใหญ่ในเมืองหันมาใช้รถรถไฟฟ้ากันไม่น้อยเลยทีเดียว
ซึ่งแนวทางข้างต้นนั้นถามว่าได้ผลมั้ย ถึงแม้ว่าผลการวัดของปี 2020 อย่างเป็นทางการยังไม่ออก(เห็นว่าเค้าต้องให้ Third party เป็นผู้วัดครับ)
แต่เท่าที่ดูผลการวัดของสภาพอากาศ ณ ปัจจุบันของเมืองนั้นถือว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีตามเป้าหมายแล้วเป็นที่เรียบร้อย
โดยค่าที่เมือง Heilbronn ทำได้นั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ค่าของ PM 2.5/ PM 10 และ NO2 โดยดูข้อมูลจาก Website ที่ตรวจจับมลพิษทางอากาศดังนี้ครับ
ค่า PM 2.5 ค่ามาตรฐานคือไม่ควรเกิน 25 ทำได้ 12
ค่า PM 10 ค่ามาตรฐานคือไม่ควรเกิน 50 ทำได้ 21
ค่า NO2 ค่ามาตรฐานคือไม่ควรเกิน 40 ทำได้ 36
"ซึ่งก็ถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดีและเห็นผลลัพธ์ของการแก้ปัญหาอย่างชัดเจน"
และพ่อบ้านหวังว่าน่าจะเป็นอีกกรณีศึกษาที่น่าสนใจในการแก้ปัญหาคุณภาพอากาศไม่ดีครับ 👌
#พ่อบ้านเยอรมัน #เยอรมัน #เยอรมนี #Germany #German #Pollution #PM #NO2
ที่มาของข้อมูล:
https://www.lubw.baden-wuerttemberg.de/luft/messwerte-immissionswerte?comp=LUQX#karte
https://www.landkreis-heilbronn.de/feinstaub-und-stickstoffdioxid-in-diesen-staedten-ist-die-luft-besonders-schlecht.19330.htm
https://www.echo24.de/heilbronn/heilbronn-luftverschmutzung-sinkt-baden-wuerttemberg-stickoxid-grenze-13416513.html
https://www.rnz.de/politik/suedwest_artikel,-heilbronn-luftqualitaet-grenzwerte-weiter-ueberschritten-_arid,503587.html
https://airfiltration.mann-hummel.com/de/unsere-segmente/public-air/public-air-solutions/